การเล่นหุ้นเองกับการซื้อกองทุนรวมข้อดีข้อเสียมันแตกต่างกันครับ การซื้อหุ้นเอง เราสามารถเลือกลงทุนในธุรกิจที่เราชอบได้ และหากเรามีทักษะวิเคราะห์หุ้น มีความรู้ในการเลือกหุ้น เลือกดีๆ สัก 4-5 ตัว แต่ล่ะตัวถือนานหน่อย 3-5 ปี ก็น่ามีผลงานที่ดีกว่ากองทุนแล้ว การลงทุนซื้อหุ้นเอง ผลตอบแทนจะดีกว่า เราควบคุมเองได้ ตัดสินใจเองได้ ว่าจะเอาเงินไปลงในหุ้นที่มีธุรกิจแบบไหน แต่ว่ามีความเสี่ยงมากกว่า ซึ่งตรงนี้เราต้องจัดการด้วยตัวเอง 🙂 การลงทุนกองทุนรวม หมายความว่า เราต้องเอาเงินไปให้มืออาชีพ คือผู้จัดการกองทุนดูแลแทนเรา...
สำหรับเพื่อนๆ ที่ต้องการเริ่มต้นเล่นหุ้น เริ่มลงทุนในหุ้น เพื่อความมั่งคั่งอย่างยั่งยืนกันแบบจริงๆ จังๆ ผมมีปัจจัยสำคัญสามข้อที่อยากจะให้เพื่อนๆ นักลงทุนได้คำนึงถึงกัน ปัจจัยสำคัญสามข้อที่ว่านั้นก็คือ จำนวนเงินทุนที่ใช้ลงทุน เวลาสำหรับใช้ในการทบต้น ผลตอบแทนที่เราทำได้ เรามาแยกดูรายละเอียดกันในแต่ละข้อกันดีกว่า ว่าแต่ละตัวสำคัญอย่างไร จำนวนเงินทุนที่ใช้ลงทุน ในการลงทุนในหุ้นหรืออะไรก็ตาม การมีทุนที่มากกว่าก็ย่อมได้เปรียบกว่าแน่นอน อืม…แล้วเราจะหาทุนมาจากไหนล่ะ? แนะนำว่าให้เริ่มจากการเก็บออมก่อน แล้วกันเงินออกมาจากส่วนที่จำเป็นต้องใช้ประจำ เรียกกันทั่วไปว่า เงินเย็น นะครับ จะเริ่มต้นลงทุนเท่าไหร่ก็ได้ แต่อย่างต่ำสุดแนะนำว่าให้เริ่มที่ 100,000...
การเล่นหุ้นแบบเอามันไปวันๆ ไม่มีเป้าหมาย มันก็จะทำให้พอร์ตการลงทุนของเราขึ้นๆ ลงๆ สะเปะสะปะไร้ทิศทาง ดังนั้นการจะลงทุนหุ้นให้ประสบผลสำเร็จ เพื่อนๆ ต้องตั้งเป้าหมายของตัวเองก่อน ต้องตอบคำถามตัวเองให้ได้ก่อนว่า เป้าหมายในการลงทุนหุ้นของเราคืออะไร? ซึ่งเป้าหมายอาจจะแตกต่างไปตามความต้องการในการใช้ชีวิตในแต่ล่ะคน แต่ล่ะคนก็ไม่จำเป็นต้องเหมือนกัน สำหรับเพื่อนๆ ที่มีเป้าหมายของตัวเองแล้ว ก็ไม่ว่ากัน ลุยไปสู่เป้าหมายกันได้เลย 🙂 ส่วนท่านที่ยังไม่มีผมอยากให้ลองตั้งเป้าหมายเบื้องต้นตามด้านล่างนี้นะครับ ผมก็ตั้งเป้าไว้แบบนี้เหมือนกัน (จะปรับตัวเลขให้มากหรือน้อยกว่านี้ได้ตามความพอใจ หรือให้เพียงพอตามสไตล์การใช้ชีวิตของเพื่อนๆ ได้เลยครับ) ตัวอย่างการตั้งเป้าหมาย เป้าหมาย: มีเงินออม...
ถ้าจะถามผมว่าความยากของการลงทุนหุ้น คืออะไร และอะไรเป็นส่วนสำคัญที่สุดในการลงทุนหุ้น คำตอบของผมก็คือ การปรับทัศนคติให้ถูกต้องสำคัญที่สุด เพราะว่าหากเรามีทัศนคติมุมมองต่อตลาดหุ้นที่ดีแต่แรกก็เท่ากับว่าเราเดินไปสู่จุดหมายได้อย่างไม่หลงทางแล้ว ไม่ว่าจะขยายพอร์ต หรือทำกำไร มันก็ทำได้อย่างยั่งยืน แต่หากมาเข้าตลาดด้วยแนวทางที่ผิดแต่แรก แทนที่จะจากพาสู่จุดหมายที่ฝัน บางทีมันกลับจะพาเข้ารกเข้าพง เสียผู้เสียคน (ที่แน่ๆ เสียตังด้วย 🙂 ) จนสุดท้ายต้องหันหลังออกไปจากตลาดหุ้นในที่สุด สำหรับผมทัศนคติที่ถูกต้องมันเป็นตัวชี้วัดเลยนะว่าในระยะยาวแล้ว เราจะอยู่รอดและประสบความสำเร็จในตลาดทุนได้หรือไม่ หรือจะกลายเป็นแค่หมูน้อยตัวอ้วนๆ ให้เหล่า เสือ สิงห์ กระทิงแรด...
ก็ไอ้เพราะคำว่า “การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการลงทุน” นี่แหละทำให้ใครหลายคน ถอดใจพับโปรเจคการลงทุนไปตามๆ กัน ที่จริงแล้วก็เป็นอย่างที่เค้าว่ากันว่า “มันมีความเสี่ยง” แต่ความเสี่ยงมันมีหลายระดับนะครับ เช่นเก็บเงินไว้กับตัวเองในกระเป๋าสตางค์ ก็มีความเสี่ยง เสี่ยงที่จะเอาเงินไปซื้อของที่อยากได้หมด เสี่ยงที่จะถูกยืมเงิน เสี่ยงที่จะถูกขโมยกระเป๋าสตางค์เห็นไหมครับเสี่ยงไปหมดเลย แต่ถ้าเรารู้ว่าจะจัดการความเสี่ยงต่างๆ นั้นทำได้อย่างไรบ้าง ความเสี่ยงก็จะน้อยลงซึ่งถ้าเงินอยู่ในกระเป๋าสตางค์เฉยๆไม่ได้ทำอะไร ก็ไม่ถือว่าเป็นการลงทุน แต่ถ้าให้เพื่อนยืมแล้วเก็บดอก ก็ถือว่าเป็นการลงทุน แต่ก็มีเสี่ยงอีกถ้าหากเพื่อนไม่คืนหรือเพื่อนไม่ให้ดอกเบี้ยครั้นจะเอาเงินไปฝังดินก็เสี่ยงปลวกมาแทะอีก 🙂 เอ้…แล้วยังไงหล่ะเนี่ยเสี่ยงไปหมด เพราะฉะนั้นเอาเงินไปใส่ธนาคารรับดอกเบี้ยรายปีไปละกัน แต่!!...
ตลาดหุ้นบ้านเราหรือแม้แต่ในภูมิภาคเพื่อนบ้านเรา ยังคงต้องพึ่งพาเงินทุนจากฝรั่ง(Fund Flow)อยู่มาก จะเรียกว่าระยะสั้นแล้วฝรั่งเป็นคนกำหนดทิศทางราคาหุ้นก็ว่าได้ (ระยะยาวราคาหุ้นจะเป็นไปตามพื้นฐานกิจการ) โดยจะเห็นได้จากช่วงไหนเงินทุนต่างชาติไหลเข้ามามาก ค่าเงินบาทแข็ง ฝรั่งซื้อสุทธิทุกวัน ช่วงนั้นตลาดหุ้นจะวิ่งฉิว เขียวทั้งกระดาน เม่าเริงร่า 🙂 แต่ถ้าช่วงไหนฝรั่งขนเงินออก ก็เข้าไปดูตามเว็บบอร์ดดังๆ ได้ กระทู้บ่นว่าติดดอยมาเป็นแถว 🙂 เอาเถอะท่านที่พลาดแล้วเราก็ไม่ซ้ำเติมกัน มาหาแนวทางแก้ไขกันดีกว่าครับ แนวทางแก้ไขและการจัดการหุ้น ช่วงตลาดหุ้นเป็นขาลง ช่วงหุ้นลงหนัก มันมีตัวเลือกง่ายๆ แค่ 3...