สำหรับเพื่อนๆ นักลงทุนที่ชอบกิน(กำไร)คำใหญ่ๆ หวังผลตอบแทนให้ได้แบบเป็นกอบเป็นกำนั้น การลงทุนถือหุ้นที่เราวิเคราะห์มาอย่างดี ซื้อแล้วถือแบบยาวๆ รอให้บริษัทแสดงศักยภาพออกมาอย่างเต็มที่ ก็นับว่าเป็นทางเลือกที่ดีทางเลือกหนึ่งทีเดียวนะครับ

ส่วนหุ้นดีที่น่าซื้อลงทุนแล้วถือยาวๆ ควรจะเป็นหุ้นของบริษัทที่มีคุณสมบัติเบื้องต้นอย่างไรบ้างนั้น เรามาดูกันเป็นข้อๆ แบบสรุปกระชับสั้นๆ กันเลยดีกว่า 🙂
คุณสมบัติของหุ้นดีที่น่าซื้อ
- อยู่ในธุรกิจที่ดี
อยู่ในตลาดที่ยังเติบโตได้สูง แน่นอนว่าเมื่ออยู่ในตลาดที่โตสูง หุ้นของบริษัทนั้นๆ ก็มีโอกาสที่จะทำกำไรได้สูงด้วย (ยิ่งบริษัทมีความสามารถในการแข็งขันสูงด้วยแล้วก็จะยิ่งดีเข้าไปอีก เพราะจะทำให้ครองส่วนแบ่งในตลาดได้มากว่าคู่แข่ง) และท้ายที่สุดเมื่อทำกำไรได้สูงกำไรส่วนนั้นก็จะตกมาถึงผู้ถือหุ้น สร้างความมั่งคั่งแก่ผู้ลงทุนอย่างเราด้วยเช่นกัน - มีกำไรต่อเนื่อง
ต้องมีกำไรสม่ำเสมอและถ้าอยู่ในแน้วโน้มที่เพิ่มขึ้นด้วยก็จะดีมาก และควรเข้าไปตรวจดูด้วยนะครับว่าส่วนที่เพิ่มขึ้นนั้นมาจากการดำเนินธุรกิจจริงหรือเปล่า ไม่ใช่มาจากกำไรพิเศษที่เพิ่มเข้ามาเพียงชั่วคราว - มีฐานะทางการเงินมั่นคง
การมีการเงินที่มั่นคง มีหนี้สินไม่สูงจนเกินไปนัก ก็เป็นหลักประกันได้ว่า บริษัทจะยังคงดำเนินธุรกิจได้อย่างยาวนาน ไม่ล้มหายตายจากไปง่ายๆ ส่วนนี้สำคัญมากเช่นกัน เพราะโลกธุรกิจจริงๆ ธุรกิจส่วนใหญ่มักจะโตได้ด้วยการตลาด แต่จะมักจะพลาดตกม้าตายเพราะปัญหาสภาพคล่องทางการเงิน - ผู้บริหารมีธรรมมาภิบาล
เลือกบริษัทที่ไม่ว่าจะเอาใครมาบริหารก็ยังสามารถดำเนินการได้ต่อเนื่องเป็นอย่างดี แน่นอนว่าถ้าเก่งด้วยก็จะดีมาก แต่เน้นว่าต้องเป็นคนดีไว้ก่อน ส่วนนี้ก็ถือว่าสำคัญสำหรับนักลงทุนที่ต้องถือหุ้นยาวๆ เพราะการมีศัตรูภายนอกไม่น่ากลัวเท่ากับการมีไส้ศึกภายใน(ผู้บริหารที่เอาเปรียบหรือโกงผู้ถือหุ้น)ที่พร้อมจะทำร้ายเราได้ตลอดเวลา - ซื้อมาในราคาที่เหมาะสม
หุ้นดีหุ้นเด่นเพียงใดแต่ซื้อมาได้ในราคาที่ไม่มีแต้มต่อ มันก็มีแต่จะไปต่อแต้มให้เขาแบบนี้ก็ไม่ไหวเหมือนกัน ดังถ้าเราเจอหุ้นดีแต่ราคาสูงไปก็ให้เก็บรายชื่อไว้ในลิสติดตามดูใจกันไปก่อน 🙂 จนกว่าจะแต่ง เอ้ย… ซื้อได้ ในราคาที่ต่ำกว่ามูลค่าของกิจการ 🙂
สรุป
ถ้าคุณเป็นนักออมหุ้นที่ชอบซื้อเฉลี่ยด้วยจำนวนเงินที่เท่ากันทุกเดือนแบบที่เขาฮิตกันในช่วงนี้ 4 ข้อแรก ก็น่าจะเพียงพอระดับหนึ่งครับ 🙂
คนส่วนใหญ่จะทำได้แค่ 4 ข้อแรก ซึ่งก็ถือว่าดีมากในระดับหนึ่งแล้ว แต่นักลงทุนผู้ชาญฉลาด(The Intelligent Investor) นั้นสามารถทำได้ครบทุกข้อ นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ทำให้พวกเขาทำผลงานการลงทุนได้เหนื่อค่าเฉลี่ยเป็นเวลาต่อเนื่องและยาวนาน
[…] […]