การที่เราจะเลือกหุ้นแต่ล่ะตัวเพื่อลงทุนกันยาวๆ นั้น ต้องมีการวิเคราะห์หลายๆ ด้านประกอบกันก่อนนะครับ เพื่อที่จะให้แน่ใจได้ว่า ธุรกิจที่เราจะเข้าร่วมเป็นเจ้าของหรือเข้าร่วมลงทุนด้วยนั้นเป็นธุรกิจที่ดีจริงๆ หรือเปล่า หรือว่าเป็นแค่บริษัทที่คุณภาพต่ำ แกมโกง ผู้บริหารเอาแต่โม้ไปวันๆ (แต่กลับถือโอกาสเอาบริษัทเข้าตลาดหุ้นเพื่อมากินตังนักลงทุนรายย่อยที่ไม่ทันเกม 😈 ) ในช่วงที่เราทำหน้าที่เป็นแมวมอง 🙂 สอดส่องมองหาหุ้นดีๆ นั้น หลังจากที่เราสังเกต หรือมองคล่าวๆ ด้วยตาแล้วว่า ตัวธุรกิจน่าจะไปได้ดี เราก็ควรจะเข้าไปดูว่าบริษัทนี้มีความสามารถทางการแข่งขันที่ยั่งยืน (Durable Competitive Advantage) จริงๆ หรือเปล่าด้วยนะครับ และหนึ่งในเครื่องมือที่ง่าย เป็นที่นิยม และถือว่ามีประสิทธิภาพสูงตัวหนึ่งในการวิเคราะห์คุณภาพหุ้น เพื่อดูความสามารถทางการแข่งขันของตัวธุรกิจ ก็คือ Five Forces Model นี่เองครับ Five Forces Model คืออะไร? Five Forces Model คือ โมเดลที่ใช้ในการวิเคราะห์ธุรกิจ วิเคราะห์โครงสร้างอุตสาหกรรมและคู่แข่ง เพื่อนำไปใช้ในการวางกลยุทธการแข่งขัน และผู้คิดค้นหลักการพลังทั้ง 5 นี้ขึ้นมา ก็คืออาจารย์ Michael E. Porter (ไมเคิล […]
หุ้น
การลงทุนออมหุ้นแบบ DCA ทำอย่างไร? แล้ววิธีนี้ดีไหม?
ช่วงนี้กระแสการออมหุ้นกำลังแรงเลยทีเดียว จะไม่เขียนถึงก็กระไรอยู่ 🙂 และวิธีการลงทุนแบบหนึ่ง ที่คนมักจะนึกถึงกันในการใช้สะสมหรือออมหุ้นก็คือ DCA ครับ ด้วยความที่มันง่าย ไม่ซับซ้อนมากนัก จึงค่อนข้างจะเป็นมิตรกับมือใหม่ และหากมีวินัยและจัดการดีๆ วิธีนี้ก็แทบจะเป็นแบบอัตโนมัติก็ว่าได้ แล้วยิ่งเดี่ยวนี้มีโบรกเกอร์ที่มีบริการด้านนี้มาให้เลือกด้วย ก็ทำให้แนวคิดการลงทุนแบบออมเงินไว้ในหุ้นสะดวกขึ้นกว่าเดิม 🙂 DCA คืออะไร DCA ย่อมาจากคำว่า Dollar Cost Average หรือในหมู่นักลงทุนบ้านเราจะคุ้นเคยกับคำว่า ลงทุนแบบถัวเฉลี่ยต้นทุน คือจะเป็นการทยอยซื้อหุ้นเป็นงวดๆ ด้วยจำนวนเงินครั้งละเท่าๆ กัน โดยอาจจะกำหนดงวดเป็น 1 เดือนซื้อครั้งหนึ่ง กำหนดวันซื้อในแต่ล่ะเดือนตายตัว ชัดเจน และทำต่อเนื่องกันไปตลอดอาจจะกำหนดว่า 10 ปี หรือ 15 ปี หรือตลอดชีวิตก็ได้แล้วแต่เรากำหนดครับ จากวิธีนี้เดือน ไหนถ้าหุ้นราคาสูงเราก็ซื้อหุ้นได้น้อยหน่อย เดือนไหนที่หุ้นราคาลดต่ำลง เราก็จะได้หุ้นมาในจำนวนที่มากหน่อยถัวเฉลี่ยกันไปครับ โดยมีเป้าหมายจริงๆ คือ “สะสม” หุ้นพื้นฐานดีเพื่อสร้างความมั่งคั่งในระยะยาวเป็นหลัก นอกจากนี้เรายังจะได้ประโยชน์จากเงินปันผลที่จะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ตามจำนวนหุ้นที่เราสะสมเข้ามาในพอร์ตอีกด้วยครับ 🙂 DCA มีวิธีการลงทุนอย่างไร วีธีการลงทุนแบบ DCA จริงๆ […]
5 คุณสมบัติของหุ้นดีที่น่าซื้อถือลงทุนยาวๆ มีอะไรบ้าง
สำหรับเพื่อนๆ นักลงทุนที่ชอบกิน(กำไร)คำใหญ่ๆ หวังผลตอบแทนให้ได้แบบเป็นกอบเป็นกำนั้น การลงทุนถือหุ้นที่เราวิเคราะห์มาอย่างดี ซื้อแล้วถือแบบยาวๆ รอให้บริษัทแสดงศักยภาพออกมาอย่างเต็มที่ ก็นับว่าเป็นทางเลือกที่ดีทางเลือกหนึ่งทีเดียวนะครับ ส่วนหุ้นดีที่น่าซื้อลงทุนแล้วถือยาวๆ ควรจะเป็นหุ้นของบริษัทที่มีคุณสมบัติเบื้องต้นอย่างไรบ้างนั้น เรามาดูกันเป็นข้อๆ แบบสรุปกระชับสั้นๆ กันเลยดีกว่า 🙂 คุณสมบัติของหุ้นดีที่น่าซื้อ อยู่ในธุรกิจที่ดี อยู่ในตลาดที่ยังเติบโตได้สูง แน่นอนว่าเมื่ออยู่ในตลาดที่โตสูง หุ้นของบริษัทนั้นๆ ก็มีโอกาสที่จะทำกำไรได้สูงด้วย (ยิ่งบริษัทมีความสามารถในการแข็งขันสูงด้วยแล้วก็จะยิ่งดีเข้าไปอีก เพราะจะทำให้ครองส่วนแบ่งในตลาดได้มากว่าคู่แข่ง) และท้ายที่สุดเมื่อทำกำไรได้สูงกำไรส่วนนั้นก็จะตกมาถึงผู้ถือหุ้น สร้างความมั่งคั่งแก่ผู้ลงทุนอย่างเราด้วยเช่นกัน มีกำไรต่อเนื่อง ต้องมีกำไรสม่ำเสมอและถ้าอยู่ในแน้วโน้มที่เพิ่มขึ้นด้วยก็จะดีมาก และควรเข้าไปตรวจดูด้วยนะครับว่าส่วนที่เพิ่มขึ้นนั้นมาจากการดำเนินธุรกิจจริงหรือเปล่า ไม่ใช่มาจากกำไรพิเศษที่เพิ่มเข้ามาเพียงชั่วคราว มีฐานะทางการเงินมั่นคง การมีการเงินที่มั่นคง มีหนี้สินไม่สูงจนเกินไปนัก ก็เป็นหลักประกันได้ว่า บริษัทจะยังคงดำเนินธุรกิจได้อย่างยาวนาน ไม่ล้มหายตายจากไปง่ายๆ ส่วนนี้สำคัญมากเช่นกัน เพราะโลกธุรกิจจริงๆ ธุรกิจส่วนใหญ่มักจะโตได้ด้วยการตลาด แต่จะมักจะพลาดตกม้าตายเพราะปัญหาสภาพคล่องทางการเงิน ผู้บริหารมีธรรมมาภิบาล เลือกบริษัทที่ไม่ว่าจะเอาใครมาบริหารก็ยังสามารถดำเนินการได้ต่อเนื่องเป็นอย่างดี แน่นอนว่าถ้าเก่งด้วยก็จะดีมาก แต่เน้นว่าต้องเป็นคนดีไว้ก่อน ส่วนนี้ก็ถือว่าสำคัญสำหรับนักลงทุนที่ต้องถือหุ้นยาวๆ เพราะการมีศัตรูภายนอกไม่น่ากลัวเท่ากับการมีไส้ศึกภายใน(ผู้บริหารที่เอาเปรียบหรือโกงผู้ถือหุ้น)ที่พร้อมจะทำร้ายเราได้ตลอดเวลา ซื้อมาในราคาที่เหมาะสม หุ้นดีหุ้นเด่นเพียงใดแต่ซื้อมาได้ในราคาที่ไม่มีแต้มต่อ มันก็มีแต่จะไปต่อแต้มให้เขา แบบนี้ก็ไม่ไหวเหมือนกัน ดังถ้าเราเจอหุ้นดีแต่ราคาสูงไปก็ให้เก็บรายชื่อไว้ในลิสติดตามดูใจกันไปก่อน 🙂 จนกว่าจะแต่ง เอ้ย… ซื้อได้ ในราคาที่ต่ำกว่ามูลค่าของกิจการ 🙂 สรุป […]
หุ้นขึ้นก็ Happy หุ้นลงก็ Happy มีแนวทางลงทุนอย่างไร?
ผมเป็นคนที่ชอบอะไรง่ายๆ ไม่ว่าจะทำอะไรก็ทำให้มันง่ายเข้าไว้ เรื่องการเล่นหุ้นก็เหมือนกัน ดังนั้นแนวคิดในการลงทุนหุ้นให้มีความสุขทั้งในช่วงตลาดขาขึ้นหรือขาลงของผม จึงมีง่ายๆ แค่ 3 ข้อเท่านั้นครับ และผมก็ใช้ 3 ข้อนี้ไปต่อยอดวางระบบการลงทุนให้เหมาะกับตัวเองอีกที ซึ่งจนเดี๋ยวนี้รูปแบบและระบบการลงทุนของผมก็ยังเป็นแนวๆ นี้อยู่ 🙂 บริหารพอร์ตหุ้นด้วยแนวคิดการลงทุน 3 ข้อ 3 ข้อที่ว่าก็คือ เลือกหุ้นพื้นฐานดี ที่อยู่ในธุรกิจที่ดี และเป็นบริษัทที่มีความสามารถในการแข่งขันที่ยั่งยืน การเลือกหุ้นให้ดี(Stock Selection)เป็นสิ่งสำคัญ ข้อนี้ผมจึงถือว่าสำคัญที่สุด ให้ใช้เวลาในการเฟ้นหาให้มากหน่อย ไม่ต้องรีบร้อน ส่วนตัวแล้วผมจะเน้นไปที่หุ้นเติบโตและอยู่ในธุรกิจที่ยังเติบโตได้อีกมากในระยะยาว และมีขนาดใหญ่หน่อย เพราะเวลาฟื้นตัวบริษัทใหญ่มักจะฟื้นได้เร็วกว่า และมักจะกลับมาได้เสมอหลังเจอวิกฤตหนักๆ เลือกที่ดีๆ มาสัก 4-5 ตัว กระจายกันไปอย่าให้กระจุกอยู่ในตลาดหรืออุตสาหกรรมเดียวกัน ดูตัวที่ ROE สูงหน่อย ที่ 15% ขึ้นไป เงินกู้น้อย และผู้บริหารต้องเชื่อใจได้ รอ…แล้วซื้อเมื่อมีแต้มต่อเท่านั้น (ทางวิชาการหน่อยก็จะเรียกว่า ซื้อในราคาที่มี Margin of Safety) และซื้อเป็นจำนวนเงิน 70% ของพอร์ต แต่บางทีต่อราคาเกินไปก็มักจะตกรถ ไม่ได้ของ […]
10 หนังสือหุ้นแนว VI ที่คุณไม่ควรพลาด
ส่วนตัวแล้วผมถือว่าการลงทุนในเรื่องความรู้เป็นสิ่งสำคัญมากสำหรับชีวิตนักลงทุนอย่างเรา การหาหนังสือหุ้นดีๆ มาอ่านจึงเป็นจำเป็นอย่างมากหากท่านต้องการเป็นนักลงทุนที่ดีนะครับ สำหรับบทความนี้ผมขอเสนอ หนังสือหุ้นแนว VI ดีๆ 10 เล่ม ที่ผู้ที่ชื่นชอบการลงทุนแนวนี้ควรหามาอ่านกันนะครับ (จะเน้นที่เป็นภาษาไทยหรือมีแปลเป็นไทย เป็นหลักก่อนนะครับ 🙂 ) หนังสือหุ้น 10 เล่มที่ว่าก็คือ The Intelligent Investor ผู้เขียน Benjamin Graham (เบนจามิน เกรแฮม) – บิดาแห่งการลงทุนแบบเน้นคุณค่า ผู้แปล พรชัย รัตนนนทชัยสุข หนังสือเล่มนี้แต่งขึ้นโดยปู่ Benjamin Graham อาจารย์ของ Warren Buffett ครับ (ปู่ Buffett เคยกล่าวไว้ว่า หนังสือเล่มนี้เป็น หนังสือการลงทุนที่ดีที่สุด) เนื้อหาในหนังสือจะกล่าวถึงการลงทุนเชิงพื้นฐานไว้ครบถ้วน ทั้ง ทัศนคติ กลยุทธ์ นโยบายการลงทุน และการมีมุมมองที่ถูกต้องต่อความผันผวนในตลาดหุ้น เนื้อหาจะละเอียดสุดๆ เป็นขั้นตอน และมีกรณีศึกษาที่สามารถนำไปปฏิบัติได้จริง ถือเป็นเล่มแรกๆ เลยที่ VI พันธุ์แท้ควรอ่านให้จบ แม้จะหนาในระดับที่หนุนแทนหมอนได้สบายๆ […]
หุ้นกับ 3 ตัวแปรสำคัญ
สำหรับเพื่อนๆ ที่ต้องการเริ่มต้นเล่นหุ้น เริ่มลงทุนในหุ้น เพื่อความมั่งคั่งอย่างยั่งยืนกันแบบจริงๆ จังๆ ผมมีปัจจัยสำคัญสามข้อที่อยากจะให้เพื่อนๆ นักลงทุนได้คำนึงถึงกัน ปัจจัยสำคัญสามข้อที่ว่านั้นก็คือ จำนวนเงินทุนที่ใช้ลงทุน เวลาสำหรับใช้ในการทบต้น ผลตอบแทนที่เราทำได้ เรามาแยกดูรายละเอียดกันในแต่ละข้อกันดีกว่า ว่าแต่ละตัวสำคัญอย่างไร จำนวนเงินทุนที่ใช้ลงทุน ในการลงทุนในหุ้นหรืออะไรก็ตาม การมีทุนที่มากกว่าก็ย่อมได้เปรียบกว่าแน่นอน อืม…แล้วเราจะหาทุนมาจากไหนล่ะ? แนะนำว่าให้เริ่มจากการเก็บออมก่อน แล้วกันเงินออกมาจากส่วนที่จำเป็นต้องใช้ประจำ เรียกกันทั่วไปว่า เงินเย็น นะครับ จะเริ่มต้นลงทุนเท่าไหร่ก็ได้ แต่อย่างต่ำสุดแนะนำว่าให้เริ่มที่ 100,000 บาท ก่อนกำลังดีครับ 🙂 ปัจจัยข้อนี้สรุปได้ว่า ทุนมากกว่าก็รวยง่ายกว่า เวลาที่ใช้ในการทบต้น หรือช่วงเวลาลงทุน ช่วงเวลาตรงนี้ยิ่งนานยิ่งดี เพราะจะทำให้ผลการทุนของเรามีการทบต้นได้มากขึ้น ดังนั้นจึงหมายถึงว่าคนที่เริ่มลงทุนก่อนในช่วงอายุน้อยๆ จะได้เปรียบในข้อนี้ เพราะมีเวลาลงทุนได้นานกว่าการทบต้นนานกว่า ปัจจัยข้อนี้สรุปได้ว่า เริ่มก่อนเริ่มเร็วก็รวยกว่า ผลตอบแทนการลงทุนที่เราทำได้ ข้อนี้ผมคิดว่าเป็นข้อที่สำคัญที่สุด เพราะถ้าหากมีทุนน้อย เวลาในการทบต้นน้อย แต่ว่าเราทำผลผลตอบแทนได้มากๆ ก็จะทำให้พอร์ตการลงทุนของเราโตได้เร็วกว่า มั่งคั่งได้รวดเร็วกว่าคนที่ทำผลตอบแทนได้น้อยๆ เช่นกัน ข้อนี้สรุปได้ว่า เก่งกว่าก็รวยกว่าและรวยเร็วกว่า สรุปรวมจากทั้ง 3 ตัวแปร จากทั้ง 3 ข้อ […]
เป้าหมายในการลงทุนในหุ้นของคุณคืออะไร?
การเล่นหุ้นแบบเอามันไปวันๆ ไม่มีเป้าหมาย มันก็จะทำให้พอร์ตการลงทุนของเราขึ้นๆ ลงๆ สะเปะสะปะไร้ทิศทาง ดังนั้นการจะลงทุนหุ้นให้ประสบผลสำเร็จ เพื่อนๆ ต้องตั้งเป้าหมายของตัวเองก่อน ต้องตอบคำถามตัวเองให้ได้ก่อนว่า เป้าหมายในการลงทุนหุ้นของเราคืออะไร? ซึ่งเป้าหมายอาจจะแตกต่างไปตามความต้องการในการใช้ชีวิตในแต่ล่ะคน แต่ล่ะคนก็ไม่จำเป็นต้องเหมือนกัน สำหรับเพื่อนๆ ที่มีเป้าหมายของตัวเองแล้ว ก็ไม่ว่ากัน ลุยไปสู่เป้าหมายกันได้เลย 🙂 ส่วนท่านที่ยังไม่มีผมอยากให้ลองตั้งเป้าหมายเบื้องต้นตามด้านล่างนี้นะครับ ผมก็ตั้งเป้าไว้แบบนี้เหมือนกัน (จะปรับตัวเลขให้มากหรือน้อยกว่านี้ได้ตามความพอใจ หรือให้เพียงพอตามสไตล์การใช้ชีวิตของเพื่อนๆ ได้เลยครับ) ตัวอย่างการตั้งเป้าหมาย เป้าหมาย: มีเงินออม 20 ล้านบาท จากการลงทุนระยะยาวในหุ้น 15 ปี ทำให้อยู่ได้โดยไม่ต้องทำงาน ทำไมต้อง 20 ล้านบาท? การมีเงินออม 20 ล้านบาท ถ้าคิดแค่ฝากธนาคารกินดอกเบี้ย 3% ต่อปี เราก็จะได้ดอกเบี้ยประมาณ 510,000 บาทต่อปี หรือมีเงินใช้สี่หมื่นกว่าบาทต่อเดือน ซึ่งก็ถือว่าอยู่ในระดับที่ใช้ได้ เพียงพอที่จะอยู่ได้โดยไม่ต้องทำงานแล้ว ทำไมต้องลงทุนระยะยาวในหุ้น? การลงทุนระยะยาวในหุ้นก็ได้รับการพิสูจน์มาแล้วว่าให้ผลตอบแทนที่แน่นอนและให้ผลตอบแทนที่สูงกว่าการลงทุนอย่างอื่นค่อนข้างมาก ลองอ่านดูได้ที่นี่ 30 ปี ลงทุนในสินทรัพย์ไทย ประเภทใดให้ผลตอบแทนสูงสุด หรือดูตามตารางด้านล่าง (ทีมา […]
ลองเล่นหุ้นแบบ Low Risk High Return กันดีกว่า
ก็ไอ้เพราะคำว่า “การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการลงทุน” นี่แหละทำให้ใครหลายคน ถอดใจพับโปรเจคการลงทุนไปตามๆ กัน ที่จริงแล้วก็เป็นอย่างที่เค้าว่ากันว่า “มันมีความเสี่ยง” แต่ความเสี่ยงมันมีหลายระดับนะครับ เช่นเก็บเงินไว้กับตัวเองในกระเป๋าสตางค์ ก็มีความเสี่ยง เสี่ยงที่จะเอาเงินไปซื้อของที่อยากได้หมด เสี่ยงที่จะถูกยืมเงิน เสี่ยงที่จะถูกขโมยกระเป๋าสตางค์เห็นไหมครับเสี่ยงไปหมดเลย แต่ถ้าเรารู้ว่าจะจัดการความเสี่ยงต่างๆ นั้นทำได้อย่างไรบ้าง ความเสี่ยงก็จะน้อยลงซึ่งถ้าเงินอยู่ในกระเป๋าสตางค์เฉยๆไม่ได้ทำอะไร ก็ไม่ถือว่าเป็นการลงทุน แต่ถ้าให้เพื่อนยืมแล้วเก็บดอก ก็ถือว่าเป็นการลงทุน แต่ก็มีเสี่ยงอีกถ้าหากเพื่อนไม่คืนหรือเพื่อนไม่ให้ดอกเบี้ยครั้นจะเอาเงินไปฝังดินก็เสี่ยงปลวกมาแทะอีก 🙂 เอ้…แล้วยังไงหล่ะเนี่ยเสี่ยงไปหมด เพราะฉะนั้นเอาเงินไปใส่ธนาคารรับดอกเบี้ยรายปีไปละกัน แต่!! เราอย่าพึ่งกังวลกับความเสี่ยงมากเกินไปจนทำให้เราไม่สามารถลงทุนอะไรได้เลยครับ ผมเองก็ชอบลงทุนแบบไม่เสี่ยงเหมือนกันครับเงินเรามีค่ามาก และกว่าจะหามาได้ ถ้าเสี่ยงมากพลาดมา เงินสูญหมดตัว สติแตก เศร้าสลด หมดหนทางไม่มีคนคบ (อันนี้ก็โอเวอร์ไปหน่อย :-)) ลองดูวิธีผมไหมครับเผื่อจะเป็นทางออกให้กับผู้ที่ไม่อยากเสี่ยงมาก แต่อยากได้เงินตอบแทนสูงแบบที่เค้าเรียกกันว่า “Low Risk High Return” ดูอินเตอร์กันเลยทีเดียว 🙂 แต่หลายคนอาจจะนึกไม่ถึงว่าผมกำลังพูดถึงเรื่อง การลงทุนใน “ตลาดหุ้น” มีเสียงตะโกนตามหลังมาเลยว่า ในตลาดหุ้นมันเป็นการลงทุนแบบ “High Risk High Return” ไม่ใช่เหรอ พูดอีกก็ถูกอีก แต่ผมมีวิธีที่ทำให้มันเสี่ยงต่ำกว่าเดิม […]
หุ้นลงหนักทำยังไงดี?
ตลาดหุ้นบ้านเราหรือแม้แต่ในภูมิภาคเพื่อนบ้านเรา ยังคงต้องพึ่งพาเงินทุนจากฝรั่ง(Fund Flow)อยู่มาก จะเรียกว่าระยะสั้นแล้วฝรั่งเป็นคนกำหนดทิศทางราคาหุ้นก็ว่าได้ (ระยะยาวราคาหุ้นจะเป็นไปตามพื้นฐานกิจการ) โดยจะเห็นได้จากช่วงไหนเงินทุนต่างชาติไหลเข้ามามาก ค่าเงินบาทแข็ง ฝรั่งซื้อสุทธิทุกวัน ช่วงนั้นตลาดหุ้นจะวิ่งฉิว เขียวทั้งกระดาน เม่าเริงร่า 🙂 แต่ถ้าช่วงไหนฝรั่งขนเงินออก ก็เข้าไปดูตามเว็บบอร์ดดังๆ ได้ กระทู้บ่นว่าติดดอยมาเป็นแถว 🙂 เอาเถอะท่านที่พลาดแล้วเราก็ไม่ซ้ำเติมกัน มาหาแนวทางแก้ไขกันดีกว่าครับ แนวทางแก้ไขและการจัดการหุ้น ช่วงตลาดหุ้นเป็นขาลง ช่วงหุ้นลงหนัก มันมีตัวเลือกง่ายๆ แค่ 3 ข้อ คือ ตัวเลือกที่หนึ่ง ขาย ถ้าหุ้นที่คุณถือเป็นหุ้นพื้นฐานไม่ได้ดีเด่นอะไร กลางๆ ไปจนถึงต่ำ ยิ่งพวกหุ้นเก็งกำไร หุ้นปั่น นี่ตัวดีเลย 🙂 ซึ่งถ้าเราเป็นนักลงทุน เราก็ไม่ควรไปยุ่งกับหุ้นเหล่านี้ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ตัวเลือกที่สอง ซื้อเพิ่ม ถ้าเป็นหุ้นพื้นฐานแข็งแกร่ง เพราะหุ้นพวกนี้โอกาสที่มันจะลดราคามาให้เราซื้อมันมีน้อยมากๆ ส่วนใหญ่จะเป็นช่วงวิกฤตเศรษฐกิจ หรือช่วงที่มีปัญหาชั่วคราว แต่ก็ต้องดูด้วยนะครับว่า ลงเพราะพื้นฐานกิจการเปลี่ยนไปแล้วหรือเปล่า แบบนี้อันตราย เราก็ไม่ควรจะซื้อเพิ่ม ควรจะขายหุ้นทิ้งทันที เพราะถือว่าเกมมันเปลี่ยนไปแล้ว ตัวเลือกที่สาม อยู่เฉยๆ ถ้าเราประเมินมาดีแล้ว เลือกหุ้นมาดีแล้วและไม่ได้มองแค่ราคาระยะสั้นแต่ลงทุนในธุรกิจระยะยาว และซื้อมาในราคาที่ต่ำกว่ามูลค่าพื้นฐานของกิจการ […]